วันอังคารที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2556

โจ๊กเฮียรัตน์เจ้าเก่า 'ต้มเลือดหมู'ยอดฮิต

อิ่มอร่อย



โจ๊กเฮียรัตน์เจ้าเก่า 'ต้มเลือดหมู'ยอดฮิต

ในช่วงที่อากาศเริ่มเย็น บรรดานักท่องเที่ยวที่ "หนีน้ำ" ไปพึ่งเย็นเห็นจะมุ่งไปยังจังหวัดทางภาคเหนือ

โดยเฉพาะที่เชียงใหม่ นครใหญ่ที่ไม่หลับใหลเหมือนกรุงเทพฯ แม้แต่ช่วงค่ำมืดยังหาของอร่อยๆ กินได้ถึงโต้รุ่ง

"โจ๊ก" เป็นอาหารที่เหมาะกับช่วงกลางคืนไปถึงเช้า เพราะไม่หนักท้องจนเกินไป

ที่หน้าโรงแรมเชียงอินน์ มีร้านโจ๊กเจ้าอร่อยชื่อ "โจ๊กเชียงอินน์" หรือ "โจ๊กเฮียรัตน์เจ้าเก่า" หรือบางคนเรียกว่า "โจ๊กไนท์บาซาร "

จะเรียกชื่อใดก็ได้ เพราะความอร่อยเหมือนกัน

ชามที่ลูกค้าสั่งกันมากเป็นพิเศษ ได้แก่ เกาเหลาเลือดหมู และโจ๊ก

เฮียรัตน์ หรือ นายรัตน์ ทวีผล อายุ 59 ปี เจ้าของร้านเล่าว่า บ้านเกิดอยู่จ.นครสวรรค์ มาตั้งหลักปักฐานอยู่จ.เชียงใหม่มานานแล้ว สร้างครอบครัวมีภรรยาคือ เจ๊น้อย นางพิณ ทวีผล อายุ 42 ปี ช่วยกันทำร้านครั้งแรกอยู่ที่ด้านหน้าโรงแรมเชียงอินน์ฝั่งทิศตะวันตกของถนนช้างคลานในย่านไนท์บาซาร  อ.เมือง จ.เชียงใหม่

แรกๆ เป็นลูกน้อง เขาก่อน ซึ่งร้านเดิมเปิดมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2512 จนปิดตัวไป จากนั้นจึงออกมาเปิดร้านของตนเองเมื่อปี 2520 อยู่ฝั่งตรงข้ามถนนช้างคลาน โดยปักหลักเปิดที่ไนท์บาซาร เช่นเดิม แรกๆ มีลูกน้อง 3 คน จนวันนี้มีผู้ช่วยกว่า 10 คนเป็นญาติๆ กันทั้งนั้น

เฮียรัตน์กล่าวว่า ร้านเปิดไม่หยุดเลย ถึงตนเองจะหยุด ก็จะให้ญาติๆ หลานๆ ดูแลแทน

ปกติเริ่มทำงานก็ตื่นตั้งแต่เวลา 03.00 น. เปิดร้านให้ภรรยาและหลานๆ ดูแล จากนั้นตนเองก็ไปจ่ายตลาดเพื่อซื้อหมู ซื้อเครื่องในหมู หมูบด ตับ ไส้ ลิ้น ฯลฯ รวมทั้งผักต่างๆ พอกลับมาตั้งโต๊ะเสร็จพอดี การที่ต้องจ่ายตลาดทุกเช้าก็เพื่อจะได้ทุกอย่างสดๆ เพื่อให้ลูกค้าได้รับประทานอาหารที่สดเสมอนั่นเอง

ร้านเปิดไปจนถึงเวลา 09.00 น. หรือถ าลูกค้ามากหน่อยก็จะขยายเวลาเลื่อนไปประมาณ 10.00 น. โดยดูแลร้านแบบครอบครัวจึงไม่ห่วงเรื่องเวลา

สำหรับชื่อร้าน "โจ๊กเฮียรัตน์เจ้าเก่า" ชื่อนี้ไม่ได้มาเพราะตั้งเอง แต่เป็นร้านเจ้าเก่าดั้งเดิมขึ้นชื่อมานานและเป็นที่รู้จักของชาวเชียงใหม่และนักท่องเที่ยวที่ตื่นเช้าแล้วชอบรับประทานโจ๊ก ข้าวต้ม ต้มเลือดหมู และเกาเหลาเลือดหมู

น้ำซุปของร้าน ลูกค้าจะประทับใจมาก เพราะทำเป็นซุปเข้มข้น หอมชวนรับประทาน

การทำน้ำซุปจะให้อร่อยได้ต้องต้มกระดูกสด ปรุงด้วยเครื่องเทศที่เตรียมไว้ มีรากผักชี สมุนไพรอื่นๆ ตามสูตร จะมีรสหอมด้วยกลิ่นพริกไทย

พริกไทยที่ว่านี้ต้องหาซื้อของแท้ เพราะไม่เช่นนั้นจะไม่ได้รสชาติ ทำให้ข้าวต้ม โจ๊ก เกาเหลาพานไม่อร่อยไปด้วย

ส่วนเครื่องในหมูต่างๆ ต้องหั่นให้พอคำ ไม่หนาหรือบางเกินไป ลวกไม่ต้องให้สุกมาก เพราะหากสุกมากเครื่องในจะแข็งไม่อร่อย หากลวกแล้วนำมาวางไว้บนน้ำแข็งอีกทีเพื่อให้เครื่องในสดเสมอนั่นเอง พอมาลวกพร้อมเสิร์ฟก็จะได้เครื่องในที่อร่อยนุ่ม สุกและไม่แข็ง

สถานที่เปิดร้านย่านไนท์บาซาร ดังกล่าวนี้ไม่ได้สร้างปัญหาด้านการจราจรแต่อย่างใด ถึงจะเปิดร้านที่ริมฟุตปาธก็ตาม เพราะร้านค้าในย่านนี้จะเปิดในช่วงสายและเน้นขายสินค้าในช่วงค่ำ ไม่มีสถานศึกษาใกล้บริเวณ จึงมีที่จอดรถสะดวกสบาย

ปัญหาที่มีคือย่านนี้ติดลำน้ำปิง หากปีไหนฝนมาก น้ำท่วมแน่นอน หากน้ำท่วมก็จำเป็นต้องปิดกิจการในช่วงนั้น

สำหรับราคาโจ๊ก เฮียรัตน์กล่าวว่า ไม่แพงเพราะเข้าใจปัญหาช่วงเศรษฐกิจที่ตกต่ำมาโดยตลอด เริ่มต้นที่ชามละ 25 บาท ชามเดียวอิ่ม หากท่านใดหิวมากก็เพิ่มใส่ไข่ ราคา 30 บาท ส่วนพิเศษก็ 40 บาท

หากจะเพิ่มเครื่องในแบบพิเศษอีกก็ราคา 50 บาท ชามเดียวอิ่มนานไปเลย

หากมีโอกาสเดินทางมาเชียงใหม่ช่วงเช้าๆ ก็ลองแวะไปชิมดู หรือติดต่อสอบถามได้ที่เบอร์โทร. 08-1882-4207 ติดต่อได้ทุกวัน
.........................
credit : http://www.khaosod.co.th/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น